เขียนบทความ SEO เพื่อหาลูกค้าจาก Google

บทความ SEO

บทความ SEO ที่มีคุณภาพเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้เนื้อหาบทความที่มีคุณภาพ ถูกใจคนอ่านและช่วยเพิ่มอันดับการสืบค้นทาง Google ได้ ถ้าจะเขียนบทความ SEO ควรรู้หลักอะไรบ้าง

เลือกหัวข้อดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

การเลือกหัวข้อที่สั้นกระชับและสื่อสารถึงเนื้อหาในบทความเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคนอ่านจะตัดสินใจคลิกเข้ามาอ่านข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ ก็มักเลือกจากหัวข้อเป็นอันดับแรก เหมือนเป็นความประทับใจแรกพบนั่นเอง คุณจึงต้องเรียนรู้วิธีการหยิบประเด็นขึ้นมาตั้งเป็นหัวข้อที่ชัดเจน และที่สำคัญ คือ เนื้อหาและหัวข้อต้องเป็นเรื่องเดียวกัน มิฉะนั้นก็จะกลายเป็นกระทู้ปั่นไปได้ หรือกรณีที่ทำเป็นเว็บไซต์ ผลบอลภาษาไทย ซึ่งไม่เน้นคนเข้าอ่านเนื้อหาแต่ดูตารางบอลเป็นหลัก อย่างน้อยก็ควรมีการโปรยเนื้อหาสัก 1-2 ย่อหน้าในพื้นที่ไม่เกะกะตาผู้ใช้ เพื่อให้บอท Google เข้ามาเก็บข้อมูลและทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น

เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม

คีย์เวิร์ด SEO ที่ดี คือ คำหรือวลีที่คนนิยมพิมพ์ค้นหาใน google search ซึ่งจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ วิธีการที่ง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่ในการหา keyword SEO ก็คือ ลองพิมพ์ด้วยคำที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณในช่อง Google search จะพบว่ามีตัวอย่างคำขึ้นมาโดยอัตโนมัติ นั่นคือ คำที่ผู้คนนิยมใช้ในการค้นหานั่นเอง ให้ใช้คำเหล่านี้มาเขียนเป็นคำหลักในบทความได้เลย หรือจะดูจากตัวช่วยฟรี เช่น google trends ก็ได้เช่นกัน

วางโครงสร้างให้เหมาะสม

ในบทความหนึ่ง ๆ ควรจะมีสามย่อหน้าเป็นอย่างน้อย มีทั้งส่วนบทนำ เนื้อหา และสรุป หากเนื้อหายาวก็ควรแบ่งเป็นข้อ ๆ 1. 2. 3. ด้วย ไม่ควรที่จะเขียนวนไปมาจนผู้อ่านจับต้นชนปลายไม่ถูก การเขียนที่ดีจึงต้องผ่านการฝึกฝนเรียนรู้มายาวนาน

ใส่ลิงก์ในเนื้อหาบทความ

การใส่ลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทความแทรกในส่วนต่าง ๆ และช่วงท้ายเพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่ม Traffic แก่เว็บไซต์ได้ ทั้งส่งผลต่อคะแนนบวกด้าน SEO อีกด้วย

ดูสถิติหลังบ้านประกอบ

สถิติการเข้าชมบทความต่าง ๆ นั้น ช่วยให้วางแผนการเขียนบทความต่อ ๆ ไปได้อย่างสมบูรณ์ขึ้น แนะนำให้ดูจาก Google analytics ที่แอดมินแต่ละเว็บไซต์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปดูได้ เพื่อนำมาปรับใช้กับการส่งเสริมธุรกิจออนไลน์

จะเห็นได้ว่า การเขียนบทความ SEO ที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาและวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเลือกหัวข้อ เนื้อหา คีย์เวิร์ด และต้องดูสถิติตัวเลขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์ว่ามีความสัมพันธ์กับแต่ละบทความอย่างไร ฯลฯ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนได้เรียนหลักการทำบทความ SEO เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างดีด้วยตัวเอง แต่หากคุณไม่มีเวลาเรียนรู้ เราแนะนำให้จ้างนักเขียนบทความแนว SEO เพื่อประหยัดเวลาแลกความความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์ในระยะยาว

5 เทคนิคทำการตลาดออนไลน์ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้

5 เทคนิคทำการตลาดออนไลน์ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้

ในโลกที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี การทำธุรกิจออนไลน์จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด สำหรับมือใหม่ที่ต้องการสร้างแบรนด์หรือสร้างธุรกิจให้มีชัยเหนือคู่แข่งการทำการตลาดออนไลน์จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเราสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยเทคนิคต่อไปนี้

1.ทำความเข้าใจเรื่อง Social Media

การตลาดออนไลน์เราจำเป็นต้องเข้าใจกลุ่มลูกค้าและแพลตฟอร์มที่เราจะนำสินค้าไปลงขายเสียก่อน เพื่อ ซึ่งในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มมากมายหลากหลายรูปแบบอาทิเช่น Facebook, Shopee, LINE, Twitter รวมถึง Instagram ที่จะช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ

2.สร้างเว็บไซต์

แน่นอนว่าความน่าเชื่อถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเข้ามาเลือกซื้อสินค้าและบริการของเรา ซึ่งการสร้างเว็บไซต์เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและสร้างความเชื่อมั่นได้ เราจึงจำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้รูปแบบการทำเว็บไซต์นั่นเอง

3.บทความความรู้

ภายในเว็บไซต์ไม่จำเป็นต้องมีเพียงสินค้าหรือบริการเพื่อเสนอให้ลูกค้าได้เห็นเท่านั้น เพราะหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้การตลาดออนไลน์ของเรามีประสิทธิภาพ คือการเขียนบทความให้ความรู้แก่กลุ่มลูกค้าของเราเพื่อให้ลูกค้าทราบถึงความเชี่ยวชาญและมุมมองในการบริการ ตลอดจนเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยส่งเสริมการขายของเราได้อีกด้วย

4.สร้างความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย

วิธีนี้เป็นวิธีที่หลายคนมองว่ายาก ด้วยเหตุที่ต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ ด้าน เช่น ข้อมูลลูกค้า สถิติ ยอดขายตลอดจนการเข้าถึงสินค้าแต่ละชนิด เพื่อจัดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากเราสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำโปรโมชั่น หรือการมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้กับลูกค้า ก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถกระชับสัมพันธ์และรักษากลุ่มลูกค้าได้อย่างดีแล้ว

5.สร้างแรงจูงใจในการตัดสินใจเลือกซื้อ

ในทุก ๆ สินค้าไม่ว่าจะเป็นสินค้าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ สิ่งที่สำคัญในการทำให้สินค้าชนิดนั้น ๆ สามารถขายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดีมากที่สุด คือการสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการของเรา ซึ่งเราสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงหรือการทำรีวิวจากลูกค้าที่เลือกใช้สินค้าและบริการของเรา เพื่อสร้างแรงกระตุ้นในการซื้อ

การทำการตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบันเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้นอกจากการทำการตลาดด้วยวิธีดังกล่าวข้างต้น เรายังจำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องคุณภาพของสินค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ได้อย่างชัดเจน ด้วยแนวคิดนี้เราจึงจะสามารถสร้างยอดขายได้อย่างยั่งยืนและยาวนาน

7 ข้อดีของการแทงบอลที่พิชิตตลาดออนไลน์ในยุคสมัยนี้

ถ้าหากพูดถึงการแทงบอลออนไลน์แล้ว เชื่อว่าทุกคนในยุคสมัยนี้ต้องรู้จักและพบเจอบนสื่อต่างๆในโลกออนไลน์ โดยมีการพัฒนารูปแบบให้เป็นการแทงบอลผ่านเว็บไซต์ต่างจากแต่ก่อนต้องหาแทงกับที่โต๊ะบอลหรือบ่อนพนันที่รับแทง ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายไม่ว่าเพศไหนหรืออายุเท่าไหร่ก็สามารถแทงบอลได้หมด เพียงแค่มีความรู้ในการด้านฟุตบอลก็สร้างรายได้แบบไม่ต้องทำงานให้เหน็ดเหนื่อย เลยมาแนะนำ 7 ข้อดีที่ควรเลือกแทงบอลออนไลน์ให้กับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ได้เข้าใจมากขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

ข้อดีของการแทงบอลออนไลน์

1. สามารถแทงบอลออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา แน่นอนว่าระบบออนไลน์มีข้อดีในเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน และเปิดให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การแทงบอลออนไลน์นั้นได้รับความนิยมชื่มชนเป็นพิเศษ หากจะเทียบกับโต๊ะพนันบอลทั่วไปๆแล้วเหนือกว่าเห็นๆที่ไม่สามารถเปิดให้แทงบอลได้ตลอดเวลา ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกมาแทงบอลออนไลน์แทน และไม่ต้องเดินทางไปที่โต๊ะแทงบอลให้เสียเวลาอีกด้วย 

2. แทงบอลออนไลน์ผ่านเว็บมีความปลอดภัยสูงกว่า หากว่านักลงทุนมีทักษะในการเลือกเว็บแทงบอลออนไลน์ที่มีมาตรฐานและความน่าเชื่อถือสูง และมีใบอนุญาตที่ถูกต้องแล้ว รับรองว่าหายห่วงเรื่องคดโกง ซึ่งเทียบสถิติดูแล้วมีความปลอดภัยมากกว่าแทงกับโต๊ะบอลโดยตรง เพราะการที่ใช้ระบบออนไลน์เข้ามาดำเนินการ จะมีระบบคัดกรองผู้ใช้งานต่างๆอย่างแน่นหนา รวมถึงให้ความมั่นใจในด้านความปลอดภัยทางด้านการเงินด้วย

3. การแทงบอลออนไลน์ทำกำไรได้ง่ายกว่า สิ่งสำคัญที่นักลงทุนทุกคนล้วนคาดหวังคือการทำผลกำไรจากการเดิมพันที่มากกว่าทุนหลายเท่าตัว แต่ต้องอย่าลืมว่า “ทุกๆ การลงทุนนั้นมีความเสี่ยงอยู่เสมอ” ส่วนการลดความเสี่ยงในการเสียเงินนั้นจะต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ หากนักลงทุนมีความรู้ในการแทงบอลและเข้าอกเข้าใจในกฎกติกาเป็นอย่างดี และควบคู่ไปกับการศึกษาเทคนิคการแทงบอลต่างๆแล้วก็ เก็งผลกำไรต่อวันได้ไม่ยาก

4. แทงบอลออนไลน์ได้รับเรทราคาบอลดีกว่าโต๊ะบอลแน่นอน ซึ่งปกติแล้วราคาค่าน้ำที่ต้องเสียให้กับโต๊ะบอลเฉลี่ยอยู่ประมาณ 20% แต่หากนักลงทุนแทงบอลออนไลน์จะเสียค่าน้ำเพียงแค่ 3-5% เท่านั้นเอง ถือเป็นการช่วยประหยัดต้นทุนก่อนเดิมพันได้มากเป็นหลายเท่าเลย รวมถึงใครที่ชอบแทงบอลต่อ ราคาจะถูกลงเรื่อยๆ แบบไม่ตายตัว ทำให้สามารถแทงบอลในราคาที่ต่ำกว่าเดิมได้ แต่ก็ต้องรอจังหวะและเวลาในการปรับลงอีกที

5. เลือกแทงบอลออนไลน์ในยูคสมัยนี้มีให้เลือกเล่นหลายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแทงบอลเดี่ยวหรือบอลเต็บ, แทงบอลสเต็ป, แทงบอลสูง-ต่ำ, แทงลูกทุ่ม ลูกเตะมุม หรือแม้กระทั้งลูกเขี่ย นับว่าเป็นการแทงบอลที่เปิดกว้างให้กับนักลงทุนได้สร้างรายได้รอบด้านตามความชอบและถนัด และมีบางเว็บให้สูตรวิเคราะห์บอลกันแบบฟรีๆด้วย จากการรวบรวมสถิติทุกอย่าง เท่าที่ไปสัมผัสประสบการณ์มา แม่นเอาเรื่องอยู่กับบอลลีกชั้นนำ

6. การแทงบอลออนไลน์นั้นนักลงทุนสามารถออกตัวได้ เพราะนักลงทุนหลายคนชอบแนวนี้ ในกรณีที่ทีมฟุตบอลที่แทงออกนำไปก่อนหรือมีความได้เปรียบในการยิงประตูระหว่างการแข่งขัน นักลงทุนสามารถที่จะแทงแบบออกตัวได้ทันที เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน แต่ต้องยอมรับกับกำไรที่ค่อนข้างต่ำ นี่จึงเป็นจุดเด่นหรือเป็นเสน่ห์ของการแทงบอลออนไลน์อีกหนึ่งมิติ ที่ทำให้นักลงทุนจำนวนมากสร้างรายได้จากการออกตัวในแต่ละวัน 

7. ไม่ใช่แค่มีการการแทงบอลออนไลน์อย่างเดียว แต่มีโปรโมชั่นที่หลากหลายเข้ามาเอี่ยวด้วย จนกลายเป็นแรงดึงดูดเหล่าบรรดานักลงทุน ด้วยการนำเสนอโปรโมชั่นดีๆให้ ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่โต๊ะบอลทั่วไปไม่สามารถทำได้เหมือนกับเว็บแทงบอลออนไลน์ หากนักลงทุนท่านใดจัดการบริหารโปรโมชั่นได้ดี ก็สามารถใช้ผลประโยชน์จากตรงนี้ได้ อาทิเช่น โปรโมชั่นสมัครเล่นครั้งแรก, โปรโมชั่นลูกค้า VIP หรือจับฉลากลุ้นเงินรางวัลเป็นต้น

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 7 ข้อดีของการแทงบอลออนไลน์ที่ได้รวบรวมมานำเสนอให้ทุกคนได้รับรู้ก่อนตัดสินใจลงทุนและเป็นแนวทางที่ดีในการสานต่อให้กับนักลงทุนคนเก่าๆเก๋าประสบการณ์ หวังว่าจะได้รับประโยชน์ไปได้ไม่มากก็น้อย

เตรียมตัวก่อนทำการตลาดออนไลน์

เตรียมตัวก่อนทำการตลาดออนไลน์

ยุคนี้สมัยนี้ใคร ๆ ก็ท่องโลกอินเทอร์เน็ตกันทั้งนั้น ทั้งดูหนัง ฟังเพลง อ่านข่าว พูดคุยกับเพื่อน สั่งอาหาร จับจ่ายซื้อของ ดูรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว และอีกหลายสิ่งหลายอย่างทำผ่านออนไลน์ เมื่อโลกเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน การตลาดก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย การตลาดออนไลน์จึงเกิดขึ้น ผู้ขายต้องเข้าหาและเข้าถึงผู้ซื้อได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ตอบคำถาม แก้ปัญหาให้ได้แบบครบทุกมิติ แล้วถ้าเราจะทำการตลาดแบบออนไลน์จะเริ่มต้นยังไง เตรียมตัวแบบไหนไปเรียนรู้กัน

1.การตลาดออนไลน์คืออะไร
Online Marketing หรือ การตลาดออนไลน์หมายถึงการตลาดในโลกออนไลน์ แปลง่าย ๆ ตรงตัวแบบนี้เลย ซึ่งจะใช้กลยุทธ์ในการเข้าถึงลูกค้าในช่องทางออนไลน์ตามช่องทางต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Tiktok, Email, Line, Search Engine อย่าง Google เป็นต้น เพื่อให้สินค้าและบริการเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและเป็นที่รู้จักเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายได้มาก ๆ โดยมาในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพหรือวิดีโอ

2.รู้จักสินค้าและบริการอย่างชัดเจน
เราขายอะไร จุดแข็งคืออะไร ใช้งานแบบไหน มีข้อจำกัดในเรื่องใดบ้าง ถ้าลูกค้ามีคำถามเราต้องตอบได้อย่างตรงประเด็นและชัดเจน เพราะมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของลูกค้า อย่าลืมว่าบนโลกออนไลน์อะไร ๆ ก็หาง่าย ถ้าเราไม่พร้อมคนที่พร้อมกว่าจะคว้าไป

3.รู้กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนของสินค้าและบริการ
เราจำเป็นต้องศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละอาชีพ แต่ละ Generation อย่างค่อนข้างละเอียดเป็นข้อมูลให้กับเราได้อย่างชัดเจน เพื่อง่ายในการต่อยอดทำการตลาดออนไลน์ เพราะถ้าไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายทำการตลาดออนไลน์ไปก็ไม่มีประโยชน์ เสียเงิน เสียแรงเปล่า ๆ เช่น เราขายเครื่องสำอางแต่ดันไปขายให้กับผู้ชายอายุมาก การซื้อขายคงเกิดขึ้นได้ยาก แบบนี้เป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรเสี่ยงตั้งแต่ต้น

4.มีคอนเทนต์ที่น่าสนใจ
เพื่อดึงดูดให้คนติดตาม แชร์สินค้าและบริการของเราออกไปยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะเป็นโอกาสอีกทางในการเพิ่มยอดขายได้แบบรวดเร็ว ซึ่งคอนเทนต์สามารถทำออกมาได้หลายรูปแบบ แต่ที่เป็นที่นิยมและลูกค้าชอบมากที่สุดคือ คลิปวีดีโอ เพราะทำให้เห็นภาพชัดเจน ตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่าที่เป็นแค่ข้อความหรือรูปภาพ ในโลกออนไลน์ลูกค้าเห็นตัวสินค้าก็จริงแต่ไม่สามารถสัมผัสหรือหยิบจับเทียบเคียงได้ เราจึงจำเป็นต้องนำเสนอรูปแบบที่กระตุ้นความต้องการของลูกค้าให้เห็นถึงข้อดีของสินค้าเรา

การเตรียมตัวให้ดีก่อนที่จะทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ถือเป็นบันไดก้าวแรกที่จะทำให้สินค้าและบริการของเราเติบโตและสร้างยอดขายได้แบบไม่สะดุด ไม่ต้องเสี่ยงมาก ให้เวลากับการศึกษา เรียนรู้ก่อนลงมือทำถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการต่อยอดอย่างมั่นคงในอนาคตของธุรกิจแบบคุ้มค่า คุ้มการลงทุน

การตลาดออนไลน์คืออะไร ทำอย่างไรให้ปัง

การตลาดออนไลน์คืออะไร ทำอย่างไรให้ปัง

ปัจจุบันการตลาดออนไลน์ได้รับความนิยมและมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการขายออนไลน์กำลังเติบโตในยุคโควิด หน้าร้านออนไลน์จึงเป็นกลยุทธ์ที่สร้างชื่อเสียงให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้นและช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างรวดเร็ว แม้แต่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ก็ไม่มีข้อยกเว้นต้องทำการตลาดออนไลน์เหมือนกัน มาดูกันว่าการตลาดออนไลน์คืออะไร และทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ

-การตลาดออนไลน์ด้วยเนื้อหาคอนเทนต์ทำอย่างไรให้ได้ผลดี การเขียนบทความต้องมีเนื้อหาสร้างสรรค์ อัปเดตข้อมูลใหม่ที่มีประโยชน์ วิธีการเขียนกระชับ เข้าใจง่าย และน่าอ่าน บวกกับการออกแบบเว็บไซต์ใช้ง่ายช่วยดึงดูดให้คนเข้ามาดูซ้ำบ่อย ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา ส่งผลให้เว็บไซต์เลื่อนอันดับไปอยู่หน้าแรกของ Google ซึ่งมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นและปิดยอดขายได้ก่อนคู่แข่ง นอกจากนั้นการทำคอนเทนต์ที่ดีแล้วยังต้องเรียนรู้การใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น

-การตลาดออนไลน์คือการโฆษณาให้สินค้า บริการ หรือแบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Faccbook, Google, Youtube และ Instagram ช่วยให้แสดงความเชี่ยวชาญได้หลายวิธี แสดงถึงความเป็นมืออาชีพด้วย ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและไว้วางใจมากขึ้น แนะนำให้เน้นเว็บไซต์เป็นหลักเพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลัง มีพื้นที่ให้สื่อเนื้อหาผ่านบทความแสดงความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่เขียน

-การตลาดออนไลน์คือเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงผู้ชมในวงกว้างและมีเครื่องมือให้ใช้งานมากมายควรทำให้เครื่องมือเหล่านี้ทำงานร่วมกันได้ดีที่สุด เช่น การแชร์บทความในเว็บไซต์บนโซเชียลมีเดีย หรือใช้วิดีโอ YouTube โพสต์ลงในบล็อก เพื่อให้การตลาดออนไลน์มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือมากขึ้น สามารถใช้การตลาดออนไลน์เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่ สามารถเจาะเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

-การตลาดออนไลน์ช่วยกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มได้ โดยการตั้งค่าว่าใครจะเห็นโฆษณาของคุณบ้าง เช่น กำหนดอายุ เพศ อาชีพ รายได้ พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ประวัติการซื้อ เป็นต้น จากนั้นส่งข้อความไปยังผู้ชมที่เป็นเป้าหมายบนโซเชียลมีเดียอย่างง่ายดาย การขายออนไลน์มีข้อดีตรงที่ไม่ผูกติดกับพื้นที่หรือเวลา มีโอกาสติดต่อกับลูกค้าเป้าหมายด้วยตนเอง แม้จะอยู่ในโซนเวลาต่างกันแต่ส่งข้อความหากันได้ตลอดเวลา สามารถสัมมนาหรือประชุมทางวิดีโอกับลูกค้ากลุ่มใหญ่ก็ทำได้ง่ายดาย นอกจากนั้นยังโพสต์วิดีโอแสดงความเชี่ยวชาญของคุณได้สะดวกบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย

-การตลาดออนไลน์เป็นการลงทุนราคาประหยัด ทำงานจากที่บ้านได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โฆษณาแพง ๆ บนสื่อดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วยเครื่องมือการตลาดออนไลน์ การทำเว็บไซต์มีค่าใช้จ่ายเซิร์ฟเวอร์ค่อนข้างต่ำ หรือจะใช้สื่อโซเชียลมีเดียแบบฟรี ๆ ก็ได้ ธุรกิจขนาดเล็กที่มีต้นทุนไม่มากหรือสตาร์ทอัพที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมีโอกาสแจ้งเกิดได้ถ้าเรียนรู้การทำตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์และลิงก์กับโซเชียลมีเดียเพื่อกระตุ้นการสนทนาบอกกันปากต่อปาก การตลาดออนไลน์จึงเป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วและลูกค้าค้นหาได้ง่าย มีโอกาสเพิ่มยอดขายนำไปสู่เส้นทางความสำเร็จและผลกำไรที่มากขึ้น

5 เทรนด์การตลาดออนไลน์มาแรงในยุค 2021

5 เทรนด์การตลาดออนไลน์มาแรงในยุค 2021

ทั่วโลกต่างประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัยพิบัติและการแพร่ระบาดของโควิด- 19 ที่เกิดขึ้น ในแนวทางวิถีชีวิตปกติใหม่หรือ ‘New Normal’ ซึ่งเป็นการปรับตัวอย่างกะทันหันตามกันไปในทุกภาคส่วน จนกลายเป็นเทรนด์การตลาดยุค New Normal แต่ทว่าเพียงข้ามปีโควิด-19 ก็ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนักอีกเป็นระรอกที่ 3 ทำให้การตลาดในปี 2021 ไม่เป็นไปตามที่นักวิชาการหลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ ดังนั้นเราจะไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันว่าในปีนี้ เทรนด์การตลาดแบบไหนที่น่าจะมาแรงในยุค 2021 เพื่อจะได้หาทางไปต่อในยุคที่อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้

ประการที่ 1 เราต้องยอมรับว่า การตลาดออนไลน์มีแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดด แม้ว่ายอดขายของแบรนด์ใหญ่จะลดลง แต่กลับมีพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและพุ่งทะยานเกิดกว่าจะคาดเดา เพราะมีการเรียนรู้ช่องทางการตลาดบนแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทำให้สินค้าแบรนด์ใหญ่ ๆ ต้องปรับตัวหันมาใช้กลยุทธ์ Digital Business Model อย่างเต็มรูปแบบ เช่น การทำ Subsciption การกระตุ้นให้เกิดการสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์หรือเพจสินค้าและบริการ และการทำ Freemium โดยเปิดให้ลูกค้าทดลองใช้บริการฟรีในระยะเวลาหนึ่ง ก่อนเสียค่าใช้จ่ายตามปกติ เป็นต้น

ประการที่ 2 เทรนด์การปรับปรุงสินค้าเพื่อเอาใจลูกค้าที่นิยมความสมดุลของผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งคุณประโยชน์และให้คุณค่าต่อจิตใจ เหมาะกับยุคสมัย เช่น จากเดิมที่เป็นแซนด์วิชไส้กรอก หรือหมูหยองน้ำพริกเผา ก็ควรปรับแพ็กเกจจิ้งให้ดูทันสมัยมีลูกเล่นในการสแกน QRcode แล้วได้อ่านสตอรี่ของแซนด์วิชชิ้นนี้เป็นต้น อีกทั้งยังสะดวกพกพาไปรับประทานในทุกที่ทุกเวลา เพิ่มสีสันและประโยชน์ในส่วนผสม พร้อมทั้งวิเคราะห์ความพึงพอใจและความเห็นจากกลุ่มเป้าหมายสำหรับการคิดค้นเมนูเพื่อสุขภาพใหม่ ๆ มาบริการลูกค้า​ด้วย

ประการที่ 3 เทรนด์การจัดทำระบบชุดข้อมูล เพื่อติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค และนำมาจัดทำแผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์หรือช่องทางการส่งเสริมการตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยเทคโนโลยีของระบบ AI ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ของผู้ให้บริการเว็บเบราว์เซอร์ทั่วโลก

ประการที่ 4 เทรนด์การวาง Service Blueprint ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญชิ้นหนึ่งในการออกแบบบริการ แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการทำงานทั้งระบบ ตั้งแต่เริ่มให้บริการตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ โดยคำนึงถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน ทั้งพนักงานและลูกค้า พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของทุกส่วนซึ่งช่วยให้เกิดความสอดคล้องและความลื่นไหลในระบบการทำงานอย่างมีมาตรฐาน

ประการที่ 5 การมีส่วนร่วมของผู้บริโภคที่เราเรียกว่า Brand Democratization เช่น ในอนาคตเมื่อผู้บริโภคไม่พึงพอใจสินค้าและบริการ ก็สามารถแสดงความต้องการให้สินค้านั้น ๆ มีการปรับแก้ไขหรือพัฒนาให้ตรงตามความต้องการใช้สอยของผู้บริโภคได้ ซึ่งอาจมีตัวแปรในเรื่องของปริมาณการผลิตเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจของฝ่ายการตลาดและผู้ผลิตสินค้าแบรนด์นั้น ๆ

โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเทรนด์การตลาดออนไลน์ที่กำลังมาและนักการตลาดอาจต้องเตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงนี้​ โดยเฉพาะในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ ที่มีความละเอียดอ่อน แตกต่างกันไปตามเชื้อชาติเพศ​ วัย รสนิยม​ เป็นต้น

3 ช่องทางการตลาดออนไลน์ยอดนิยมใน พ.ศ.นี้

3 ช่องทางการตลาดออนไลน์ยอดนิยมใน พ.ศ.นี้

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “การตลาดคือทุกสิ่ง” หรือ “Marketing is Everything” เมื่อเราหันไปมองรอบตัวเราจะสัมผัสกับตัวอักษร ภาพและเสียงของสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์อยู่ตลอดเวลา ต่างกันเพียงรูปแบบของสื่อที่แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเท่านั้น ในยุคการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) เราจะพบเห็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ การจัดกิจกรรมทางตลาด ซึ่งมักจะเป็นการสื่อสารทางเดียว (One way Communication) ผู้บริโภคเพียงรับรู้แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ที่นำเสนอ จนกระทั่งอินเทอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้นมาในโลกใบนี้ แล้วย่อส่วนโลกทั้งใบลงมาอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเรา

การตลาดแบบดั้งเดิมถูกแบ่งสัดส่วนทางการตลาด (Market Share) ออกไปเมื่ออินเทอร์เน็ตก้าวเข้ามา โลกเข้าสู่การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยการสื่อสารแบบสองทาง (Two way Communication) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคโควิด-19 การตลาดออนไลน์ยิ่งมีบทบาทสำคัญมาก เพราะพวกเราต้องดูแลตัวเองด้วยการอยู่บ้าน ทางเดียวที่ก่อให้เกิดการซื้อขายได้ก็คือการใช้อินเทอร์เน็ต​บนโทรศัพท์มือถือ

แล้วจะมีช่องทางการตลาดออนไลน์แบบไหนบ้างที่น่าสนใจ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน ตามเรามาดูกันเลย

1.Facebook
สื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Facebook ที่ทำหน้าที่เหมือนกาวใจชั้นดีที่เชื่อมต่อตัวเรากับครอบครัว เพื่อนฝูง เครือญาติ เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า ซึ่งหากคิดจะทำการตลาดออนไลน์ Facebook ก็สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี ทั้งจากการมีฐานข้อมูลของผู้ใช้งานสูงที่สุดในโลกและการเจาะกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดก็ยังทำได้ละเอียดถี่ถ้วน เราจะรู้จักกลุ่มเป้าหมายของเราตั้งแต่ชื่อ นามสกุล ไปจนถึงรสนิยมส่วนบุคคล เมื่อเรายิงโฆษณาจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ ถูกจุด

2.Line
“คิดจะแชต คิดถึง Line” คำกล่าวนี้คงไม่ผิดไปจากความเป็นจริงมากนัก เมื่อ Line เป็นสื่อออนไลน์ที่ทำให้เราคุยกับคนรอบตัวผ่านทั้งข้อความ ภาพ และเสียง เราทำการตลาดออนไลน์ ผ่าน Line ได้โดยง่ายด้วยการเผยแพร่ข่าวสารประชาสัมพันธ์ อัปเดตโปรโมชัน สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ไม่อยากใช้ Line ส่วนตัวในการทำการตลาด Line ก็มีฟีเจอร์สำหรับทำมาค้าขายโดยเฉพาะอย่าง LINE OA (LINE Official Account)

3.Youtube
ภาพเคลื่อนไหวเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ชมชื่นชอบบนสื่อออนไลน์ และช่องทางนำเสนอคลิปวิดีโอยอดนิยม ได้แก่ Youtube ซึ่งมีเรื่องราวในคลิปวิดีโอต่าง ๆ ไว้ให้เราเลือกรับชมมากมาย โดยในปัจจุบันนอกจากความบันเทิงที่ได้จากการรับชมแล้ว เรายังสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์คลิปวิดีโอและเปิดช่อง (Channel) เป็นของตนเองได้อีกด้วย ซึ่งการตลาดออนไลน์ผ่านช่องทางนี้ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์อย่างมากเพื่อให้ผู้ชมเกิดความสนใจ เมื่อช่องของเราได้รับความนิยมจากผู้ชม โฆษณาต่าง ๆ จะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์เอง

จะเห็นได้ว่าการตลาดออนไลน์เหมาะกับสถานการณ์โลกและสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบันอย่างยิ่ง นอกจากจะทำให้เกิดการรับรู้ในแบรนด์สินค้าและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแล้ว ยังใช้ต้นทุนต่ำกว่าการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) อีกด้วย

ทำการตลาดออนไลน์อย่างไรให้ปัง ช่วยสร้างแบรนด์ติดตลาด

ทำการตลาดออนไลน์อย่างไรให้ปัง ช่วยสร้างแบรนด์ติดตลาด

การทำธุรกิจอะไรสักอย่างหนึ่งนั้น ทุกคนก็ต้องคาดหวังที่จะมียอดขายที่ดี ยอดขายปัง ๆ แบรนด์ของตนเองเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย มีผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องไปในระยะยาว และยุคที่มีการแข่งขันในเรื่องของธุรกิจที่สูงเช่นนี้ หลาย ๆ แบรนด์ หลาย ๆ ธุรกิจเกิดขึ้นมาอย่างมากมาย ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เป็นช่องทางสำคัญที่เป็นช่องทางการขาย การโฆษณา เนื่องจากทุกวันนี้ผู้คนหันมาใช้สื่อโซเชียลกันค่อนข้างมากเป็นประจำทุกวัน เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อและติดต่อสื่อสารกัน ด้วยเหตุนี้เองการทำการตลาดออนไลน์จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่องทางที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้รู้จักสินค้าและบริการต่าง ๆ ของเราเพิ่มมากยิ่งขึ้น

วิธีการทำการตลาดออนไลน์ให้ปัง ๆ ไม่ใช่เรื่องยากและก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อันดับแรกคือเราต้องทราบกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มลูกค้าของแบรนด์หรือธุรกิจของเราก่อน ว่ามีการใช้ช่องทางออนไลน์ในช่องทางอะไรบ้างเพื่อมุ่งเน้นการทำการตลาดออนไลน์กับช่องทางออนไลน์นั้น ๆ เป็นอันดับแรกก่อน ยกตัวอย่างเช่น หากกลุ่มเป้าหมายของเราส่วนใหญ่มักจะอยู่ใน Instagram การสร้างบัญชีผู้ใช้ การทำการโฆษณา การติดแท็กต่าง ๆ ในไอจีเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ก็เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม และควรที่จะมีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเสียเงินซื้อโฆษณาเพียงอย่างเดียว แต่เราสามารถที่จะเพิ่มยอดไลก์ ยอดวิว ด้วยเนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น มีการรีวิวจากผู้ที่ใช้สินค้าหรือบริการนั้น ๆ จริง ผลลัพธ์ที่ได้ มีการนำเนื้อหาเหล่านี้มาลงอย่างสม่ำเสมอ มีการลงโพสต์เป็นประจำทุกวันก็จะช่วยทำให้แบรนด์ของเรามีโอกาสผ่านตากลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น 

จุดสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์ที่สำคัญคือการมีโปรโมชัน มีแคมเปญต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การลดราคา การมีของแถม การให้บัตรสะสมแต้ม การลุ้นรับรางวัลใหญ่ หรือจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ลูกค้า เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้แบรนด์และสินค้าของเราได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น ในกลุ่มลูกค้าเก่าก็จะกลับมาอุดหนุนอีก ส่วนกลุ่มลูกค้าใหม่ก็มีโอกาสได้ลองใช้สินค้าและบริการมากขึ้น 

โดยถ้าหากว่าธุรกิจของเราเติบโตขึ้น ก็ควรที่จะมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง สร้างเว็บไซต์ในสไตล์ที่เข้ากับแบรนด์ของเรา แสดงถึงความเป็นแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ การมีเว็บไซต์นั้นนอกจากจะเป็นการเพิ่มช่องทางให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับทางแบรนด์มากขึ้นด้วย ด้วยการบริหารจัดการที่เป็นไปในรูปแบบของเว็บไซต์ 

ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไร ในยุคนี้การทำการตลาดออนไลน์ถือเป็นวิธีการที่จะช่วยเพิ่มยอดขายและการรับรู้ให้กับแบรนด์ของคุณได้อย่างแท้จริง

สุดยอด 3 วิธีทำการตลาดออนไลน์ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้

สุดยอด 3 วิธีทำการตลาดออนไลน์ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้

หากได้ติดตามข่าวสารแวดวงธุรกิจมาก่อน หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า “การตลาดออนไลน์” ซึ่งเป็นเทรนด์การตลาดที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะต้องยอมรับว่าในยุคนี้มนุษย์เราให้เวลากับโลกออนไลน์ตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องคว้าสมาร์ตโฟนเป็นอันดับแรก ๆ โดยการตลาดออนไลน์มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี แต่วิธียอดนิยมมากขณะนี้ ต้องยกให้กับ SEO, Social Marketing และ Line Official ซึ่ง 3 วิธีนี้ท่านเจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม

1.SEO
SEO หรือชื่อเต็ม Search Engine Optimization วิธีทำการตลาดออนไลน์ที่ทุกธุรกิจต้องใส่ใจ โดยเน้นวิธีการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นไปตามเกณฑ์การให้คะแนนของ Search Engine ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google, Yahoo หรือ Bing โดยการปรับแต่งเว็บไซต์มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด การทำคอนเทนต์ การทำ Backlink การตั้งชื่อ URL การทำให้เว็บไซต์แสดงผลอย่างรวดเร็ว เป็นต้น ซึ่งการทำให้เว็บไซต์อยู่อันดับต้น ๆ ของหน้าแรกจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าคลิกเข้าชมเว็บไซต์ ส่งผลให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก และยังทำให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถืออีกด้วย

2.Social Marketing
การทำ Social Marketing มีอยู่ด้วยกันหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter และ Instagram โดยช่องทางเหล่านี้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ทำให้หลายแบรนด์ต่างหันมาทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Social Marketing โดยวิธีทำการตลาดผ่านช่องทางเหล่านี้ เจ้าของธุรกิจควรวางแผนสื่อสารและวางแผนครีเอทคอนเทนต์เป็นอย่างดี เช่น ไม่ควรโพสต์หรือซื้อโฆษณาถี่เกินไป คอนเทนต์ที่นำเสนอต้องมีความน่าสนใจ มอบสิทธิพิเศษคุ้มค่าแก่ลูกค้าเสมอ ฯลฯ เพราะแม้ว่า Social Marketing จะเต็มไปด้วยข้อดี แต่หากเจ้าของธุรกิจนำเสนอคอนเทนต์ไม่ตอบโจทย์ ไม่มีข่าวสารหรือโปรโมชันเด็ด ๆ ก็อาจทำให้กลุ่มเป้าหมายเลิกติดตามช่องทางของคุณได้เช่นกัน

3.Line Official
เพราะยุคนี้ไม่ว่าใครก็หันมาติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชัน Line กันทั้งนั้น ทำให้เจ้าของธุรกิจไม่ควรพลาดสื่อสารกับลูกค้าผ่าน Line Official โดยปัจจุบันมีฟีเจอร์มากมายออกแบบมาเพื่อการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการแชทโต้ตอบกับลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 การ Broadcast ข้อความ คูปองสะสมคะแนน การส่งข้อความโต้ตอบอัตโนมัติ ฯลฯ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้หากเจ้าของธุรกิจได้ศึกษาวิธีการใช้อย่างจริงจังจะพบว่าเต็มไปด้วยประโยชน์ดี ๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการได้อย่างแน่นอน และยังเป็นช่องทางสำคัญในการส่งข่าวสารและโปรโมชันดี ๆ ถึงลูกค้าทุกรายที่ติดตามแบบทันทีอีกด้วย

นอกจาก 3 วิธียอดนิยมที่หยิบมาฝากกันแล้ว การตลาดออนไลน์ยังมีวิธีอื่น ๆ เช่น การซื้อโฆษณาของ Search Engine เช่น Google Ads หรือผ่านทางโซเชียลแพลตฟอร์มต่าง ๆ และแบนเนอร์เว็บไซต์ เพื่อเจาะให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีการส่งอีเมลแจ้งข่าวสารโปรโมชันแก่ลูกค้าโดยตรง โดยการตลาดออนไลน์ที่ดีนั้นควรเลือกทำหลายวิธีควบคู่กันไป เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักและกระตุ้นพฤติกรรมการซื้อให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

3 เทคนิคที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้

3 เทคนิคที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้

ต้องยอมรับว่าท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ บวกกับปัจจัยความเสียหายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การตลาดออนไลน์ (Online marketing) เติบโตขึ้นแบบทวีคูณ ท่ามกลางคู่แข่งทางการตลาดที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากธุรกิจเกิดใหม่ และธุรกิจดั้งเดิมอีกเป็นจำนวนมากหันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ อย่าง Google และ Facebook เพื่อส่งเสริมการทำประชาสัมพันธ์และการตลาดออนไลน์อย่างเติมรูปแบบมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นวันนี้เรานำ 3 เทคนิคที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้ มาฝากกัน

เพราะ Google ได้รับการพัฒนาให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะโปรแกรมสำหรับตรวจจับเว็บไซต์นั่นคือสิ่งสำคัญที่ตอกย้ำให้นักการตลาดพึงระมัดระวังมากขึ้น และพยายามคิดค้นกลยุทธ์การทำงานให้สอดคล้องกับการพัฒนาของGoogle และช่วยส่งเสริมคุณภาพของเว็บไซต์ เพราะเว็บไซต์คุณภาพสูงจะได้รับการจัดอันดับที่ดีมากกว่าในระบบการค้นหาของ Google

เพื่อให้แผนการตลาดมีความทันสมัยและตรงกับใจของกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด นักการตลาด (Online marketing) ควรพิจารณา ดังต่อไปนี้

1.การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนในการเข้าถึง และเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน เช่น เพศ วัย ที่อยู่ การศึกษา สถานที่ทำงาน และไลฟ์สไตล์ เพื่อเตรียมพร้อมเนื้อหาหรือ Content ที่จะเสนอในเพจหรือบทความ ให้มีความกระชับ น่าอ่าน อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที เพราะมันเป็นกฎที่ตายตัวว่า เนื้อหาที่ดีย่อมดึงดูดความสนใจให้คนติดตาม และยังช่วยเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือให้กับเพจ ตลอดจนสินค้าและบริการนั้น ๆ ได้อีกทางหนึ่งด้วย

2.สังเกต ทำความเข้าใจ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งแบบ offline และ online เช่น เวลาว่างชอบทำอะไร ชอบแต่งตัวแนวไหน งานอดิเรกคืออะไร ชอบเดินห้างหรือช้อปปิ้งทางโซเชียล นิยมใช้แอปอะไร ตลอดจนเหตุผลในการตัดสินใจซื้อสินค้าแต่ละครั้ง

3.ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้สวยงามและใช้งานง่าย เพื่อรองรับการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ บนมือถือ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงทีและตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพราะการเข้าถึงเว็บไซต์ด้วยมือถือได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มการตัดสินใจซื้อ และเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้เพราะในปัจจุบันมากกว่า 80 เปอร์เซนต์ของคนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่บนโลกเสมือนจริงอย่าง ดูข่าวฟุตบอล Facebook Line และ Youtube หรือช่องทาง Social Media อื่น ๆ เพื่อความบันเทิงและการค้นหาสินค้าและบริการ ดังนั้นการเก็บข้อมูลนำมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนกลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Social Media จะช่วยให้นักการตลาดออนไลน์นำพาเว็บไซต์และธุรกิจเหล่านั้นให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและก้าวไปสู่ความนิยมของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในระยะยาวยังสามารถนำกลยุทธ์ทางการตลาดมาประยุกต์ใช้ร่วมกับการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของ Google โดยใช้เทคนิคในการปรับแต่งและเพิ่มลิงก์ที่มีคุณภาพมาที่เว็บไซต์ ซึ่งผลที่จะได้รับคือปริมาณผู้ชมจำนวนมากและการเติบโตของยอดขาย