ช่องทางการทำการตลาดออนไลน์ ให้ธุรกิจปัง

ช่องทางการทำการตลาดออนไลน์ ให้ธุรกิจปัง

การใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์ของคนรุ่นใหม่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้สื่อออนไลน์สามารถเข้าถึงได้จากหลากหลายช่องทางบนทุกพื้นที่ของโลก จึงนับว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เลยทีเดียว ดังนั้นธุรกิจทั้งหลายต้องมีการปรับตัวและหันมาใช้กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์มากขึ้น ว่าแต่มีช่องทางออนไลน์ไหนบ้างที่สามารถใช้ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ วันนี้จะพาไปดู 6 ช่องทางการตลาดออนไลน์พื้นฐานที่น่าสนใจกัน

  1. การทำ SEO (Search Engine Optimization)

วิธีนี้เป็นการตลาดดิจิทัลที่ทำให้เว็บไซต์ธุรกิจของเราติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหา Keyword ต่าง ๆ บน Google วิธีนี้เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีเนื้อหาและคุณภาพสอดคล้องกับเกณฑ์ในการให้คะแนนเว็บไซต์ รวมทั้งการสร้างลิงค์ที่มีคุณภาพมาสู่เว็บไซต์ธุรกิจ วิธีการนี้จะช่วยเพื่อเพิ่มยอดผู้ชมและเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการนั่นเอง ถ้าไม่เห็นภาพสามารถดูตัวอย่างจากเว็บบ้านผลบอลได้ที่ติด Keyword หน้าแรก Google แทบทุกการค้นหาเกี่ยวกับเรื่องฟุตบอล

  1. ใช้โซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ (Social Media Marketing)

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อต่างใช้โซเชียลมีเดียหลายช่องทางในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ Facebook การอัปโหลดภาพลงบน Instagram หรือการลงวิดีโอบน TikTok การใช้สื่อเหล่านี้ในการประชาสัมพันธ์จึงเป็นประโยชน์กับธุรกิจอย่างมาก ตัวแบรนด์จึงควรสร้างโซเชียลเหล่านี้เพื่อโปรโมทธุรกิจของตนเองเช่นกัน

  1. ขายสินค้าหรือบริการผ่านเหล่าคนดัง (Influencer Marketing)

อินฟลูเอนเซอร์เป็นกลุ่มคนที่มีผู้ติดตามมากกว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั่วไป ดังนั้นการจ้างกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์สินค้าเป็นอีกทางเลือกในการเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมาก โดยแบรนด์ต้องมีการเลือกคนดังที่มีสไตล์สอดคล้องกับแบรนด์ มีผู้ติดตามที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย และช่วยสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าให้ดูดีและน่าเชื่อถือ

  1. ทำธุรกิจให้ปังผ่านทางอีเมล (Email Marketing)

อีเมลเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารที่เป็นพื้นฐานที่สามารถส่งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือข้อมูลต่าง ๆ โดยการแนบไฟล์หรือลิงค์ ทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ถึงมือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายเป็นจำนวนมากนิยมเช็คอีเมลของตัวเองทุกวัน การส่งอีเมลเพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจจึงเป็นโอกาสในการทำการตลาดออนไลน์ที่ยอดเยี่ยม

  1. การวางแบนเนอร์บนเว็บไซต์ (Banner Marketing)

การวางภาพโฆษณาเป็นแบนเนอร์บนเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเป็นอีกช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยต้องเลือกเว็บไซต์ในการโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ เช่น การวางแบนเนอร์โฆษณาประกันเดินทางบนเว็บไซต์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว จะเห็นว่าลูกค้าของบริษัทท่องเที่ยวจะมีโอกาสสนใจประกันเดินทางเป็นจำนวนมาก วิธีนี้จึงเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ตรงจุดอย่างมาก

  1. ทำคอนเทนต์ให้ปัง (Content Marketing)

การทำคอนเทนต์ทางออนไลน์เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ธุรกิจผ่านตัวอักษร รูปภาพหรือวิดีโอ เพื่อให้ผู้คนรู้จักสินค้าของเรามากขึ้น โดยคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นต้องมีความน่าสนใจ ดึงดูดใจ จนนำไปสู่การซื้อสินค้าหรือบริการในที่สุด นอกจากนั้นการทำคอนเทนต์ให้ทันสมัย อัปโหลดในเวลาที่ถูกที่ควรล้วนเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน

ทั้งหมดนี้เป็นช่องทางการตลาดออนไลน์ที่เจ้าของกิจการทุกคนควรรีบเข้าไปคว้าโอกาสในการขาย นับเป็นเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลายและตรงจุดอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันบนโลกธุรกิจของตัวเอง และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่งและน่าสนใจ เจ้าของธุรกิจท่านไหน ยังไม่เริ่มทำการตลาดบนช่องทางเหล่านี้สามารถเริ่มต้นลงมือทำได้ในทันที แล้วธุรกิจของคุณจะก้าวหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

การตลาดออนไลน์ สำหรับไทยแลนด์ 4.0 มีอะไรน่าสนใจ

การตลาดออนไลน์ สำหรับไทยแลนด์ 4.0 มีอะไรน่าสนใจ

จะทำธุรกิจใดก็ตามในยุคไทยแลนด์ 4.0 จำเป็นต้องมีการปรับตัวให้ทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งการตลาดออนไลน์สำหรับสร้างความสำเร็จแก่ธุรกิจอย่างรวดเร็วตามเป้าหมาย จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูพร้อมกันเลย

การตลาดออนไลน์ สำหรับไทยแลนด์ 4.0

การตลาดออนไลน์ คืออะไร

การตลาดออนไลน์ คือ การเจาะกลุ่มลูกค้า หรือผู้บริโภคผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ เช่น สัญญาณอินเทอร์เน็ต wifi เครือข่าย 4G ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความฉับไว รวดเร็ว ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในยุคไทยแลนด์ 4.0 เป็นช่วงเวลาแห่งการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมไอที จึงกล่าวได้ว่าเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนธุรกิจออนไลน์แบบก้าวกระโดดมากกว่าที่เคย

การตลาดออนไลน์ ยุคไทยแลนด์ 4.0 ต้องสนใจกลยุทธ์อะไรบ้าง

กลยุทธ์ที่นักธุรกิจยุคไทยแลนด์ 4.0 จำเป็นต้องสนใจเป็นสิ่งที่ Philip Kotler นักการตลาดระดับโลกกล่าวไว้ คือ หลักการ 5A ดังนี้

A1 คือ Awareness (การรู้จักแบรนด์) เป็นการสร้างความรับรู้สินค้า เช่น หากคุณจะเปิดร้านขายดอกไม้ออนไลน์ จะทำอย่างไรให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายรู้ว่ามีแบรนด์คุณเป็นร้านดอกไม้น้องใหม่ในปี 2019

A2 คือ Appeal (ความดึงดูดใจ) คือ การตั้งโจทย์ว่าจะสร้างความจดจำอย่างไร ให้ผู้บริโภคนึกถึงว่า ถ้าจะสั่งซื้อดอกไม้ให้แฟนจะต้องเป็นแบรนด์ของคุณเท่านั้น

A3 คือ Ask (การมีคำถาม) จงดีใจเมื่อลูกค้าตั้งคำถาม เพราะแสดงถึงว่าลูกค้าอยากทราบรายละเอียดหรือมีจุดประสงค์/ปัญหาบางอย่างที่ต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์ได้จริง ๆ

A4 คือ Act (การซื้อ) เมื่อลูกค้าได้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเป็นที่พอใจ และตัดสินใจทดลองสั่งซื้อสินค้าแล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นโอกาสของบริษัทในการนำเสนอความประทับใจหลังการขายที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

A5 คือ Advocate (การบอกต่อ) เป็นพลังทั้งทางบวกและลบได้ในขณะเดียวกัน หากสินค้าและการบริการดีเป็นที่ประทับใจจนเกิดการรีวิวและบอกต่อ โดยเฉพาะจากบรรดา influencer ใน YouTube twitter และ facebook ก็จะเป็นแรงส่งที่ดีต่อฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และผู้ที่ต้องการความหลากหลายในสินค้าที่แหวกแนวจากตลาดแบบดั้งเดิม

การมีแอพพลิเคชั่น ช่วยการตลาดออนไลน์ได้มากแค่ไหน

การมีแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานง่ายและสวยงาม มีผลเชิงบวกต่อภาพลักษณ์และการขยายฐานการตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น โดยหากมีการระบุ location จาก GPS เชื่อมโยงระหว่างโลกออนไลน์กับหน้าร้านจริง ก็จะยิ่งทำให้มีความน่าเชื่อถือและเพิ่มยอดลูกค้าได้เป็นทวีคูณ

การตลาดออนไลน์ สำหรับไทยแลนด์

จะเห็นได้ว่า การตลาดออนไลน์ในยุคไทยแลนด์ 4.0 นักธุรกิจรุ่นใหม่ต้องใส่ใจในการประยุกต์กลยุทธ์การตลาด 5A ที่มีแบบดั้งเดิมเข้ากับการขายสินค้าและการโปรโมตสินค้าผ่านช่องทางใหม่ ๆ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ายุค millennium ให้มากที่สุด จึงจะประสบความสำเร็จดังหวัง