เครื่องมือ การตลาดออนไลน์ ใช้เมื่อไร ยอดขายปังมาก

เครื่องมือ การตลาดออนไลน์ ใช้เมื่อไร ยอดขายปังมาก

เมื่อเทรนเปลี่ยนการตลาดก็ต้องเปลี่ยน โดยเฉพาะ การตลาดออนไลน์ ที่ผู้ประกอบการจะต้องเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำมาใช้เกี่ยวกับการตลาดในปัจจุบันให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ เพราะหากตามไม่ทันก็อาจจะ Out ก็เป้นได้ โดยในวันนี้จะมาแนะนำ 5 เครื่อง สำหรับการตลาดออนไลน์ ถ้าหากคุณประสบความสำเร็จก็จะช่วยให้ยอดขายของคุณปังมากยิ่งขึ้น

SEO

การทำ SEO ไม่เพียงแต่ต้องทำเฉพาะเว็บไซต์เท่านั้น แต่สามารถที่จะทำผ่าน Youtube, Facebook, Tiktok ได้ ขึ้นอยู่กับคนทำ SEO ว่ามีความสามารถเพียงใดในการที่จะทำให้แอปพลิเคชันออนไลน์เหล่านั้น สามารถเข้าถึงและติดอันดับในการค้นหาของ Search Engine ได้

การยิง Ads

การยิง Ads อาจเป็นตัวเลือกในลำดับท้าย ๆ เพราะจะต้องใช้เงินลงทุน ซึ่งการยิง Ads เป็นการเร่งความสำเร็จให้เร็ว แต่อาจต้องใช้เงินทุนมหาศาล เพราะไม่เพียงแต่ยิง Ads ผ่านสื่อออนไลน์เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น แต่ต้องซื้อ Ads ผ่านหลาย ๆ แอปพลิเคชันด้วย จึงจะเห็นผลสำเร็จได้ไม่ยาก เช่น Google Ads, Facebook Ads, Tiktok Ads หรือแม้แต่การซื้อโฆษณาผ่าน Youtube ด้วย จึงเหมาะกับผู้ประกอบการที่มีทุนหนาและต้องการให้สินค้าติดตลาดได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง

การสร้าง Content

การสร้าง Content เป็นหนึ่งในช่องทางที่สามารถประชาสัมพันธ์ให้คนได้รู้จักกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ Content ที่มีสาระและความบันเทิง เพราะจะทำให้คนจดจำชื่อแบรนด์ได้ง่าย ซึ่งการทำ Content ก็จะแบ่งออกเป็น บทความ คลิปวีดีโอ รูปภาพหรือแคปชั่น ที่สามารถจะสื่อสารออกไปบนโลกออนไลน์ได้

E-mail และ SMS Marketing

การตลาดด้วยการโฆษณาผ่าน E-mail และ SMS ยังคงสามารถใช้งานได้ในปัจจุบัน พร้อมทั้งยังแจ้งข้อมูล ข้าวสารและโปรโมชันให้ผู้รับได้เกิดแรงกระตุ้นในการเปิดหรือเข้าถึงลิงก์ข้อความที่ส่งไปในเมล์ได้ นอกจากนี้การทำการตลาดแบบนี้ยังสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าได้อีกด้วย

Influencer

การเลือกใช้บริการของ Influencer เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถที่จะให้คนมองเห็นสินค้าได้ง่าย ช่วงแรกอาจจะเน้นไปที่การให้ Influencer เหล่านั้นได้ทดลองใช้สินค้าจริงเพื่อความน่าเชื่อถือและแสดงให้เห็นว่าคนที่เขาติดตามใช้สินค้าตัวนี้จริงและเห็นผลจริง จึงเกิดการใช้สินค้าตาม นับเป็นกลยุทธ์ที่สามารถใช้งานได้จริงและเหมาะมากในช่วงตลาดออนไลน์แบบนี้

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 เครื่องมือสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ ที่เชื่อได้เลยว่าหลายคนกำลังมองหาและต้องการเครื่องมือเหล่านี้อยู่ แต่บอกได้เลยว่าแม้จะมีเครื่องมือที่ดีอยู่ในมือ หากใช้งานไม่เป็นก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น ควรศึกษาเครื่องมือให้เข้าใจและนำไปใช้ที่ละอย่าง ก่อนที่จะบันทึกผลตอบรับจากเครื่องมือในแต่ละแบบ เพราะไม่อย่างนั้น อาจไม่สามารถบอกได้เลยว่า สินค้าของคุณมาจากเครื่องมือใดมากที่สุด เพราะจะต้องนำเอาข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อขยายผลในการทำการตลาดออนไลน์ต่อไปในอนาคต

เทคนิคการตลาดออนไลน์ที่ควรใช้ในปี 2020 มีอะไรบ้าง

นักธุรกิจยุคใหม่ต้องทำการตลาดด้วยวิธีใดบ้าง

ปัจจุบันผู้คนนิยมซื้อของผ่านระบบอินเทอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เจ้าของกิจการต้องปรับตัวในการทำการตลาดที่ทันสมัย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ทั้งทาง Google ซึ่งเป็น search engine ที่คนทั่วโลกนิยมใช้กัน จนถึง Facebook และ Instagram ที่คนไทยนิยมใช้เพื่อหาข้อมูลสินค้าและติดตามคนดังเป็นประจำ

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำในปี 2020 ว่านักธุรกิจยุคใหม่ต้องทำการตลาดด้วยวิธีใดบ้าง

1. การทำ SEO ให้เว็บไซต์ในระบบ Google

การทำ SEO หรือ search engine optimization ให้เว็บไซต์ออนไลน์ เป็นเทคนิคที่สำคัญ ซึ่งหมายถึงการพัฒนาคุณภาพเว็บไซต์ให้ต่อเนื่อง ตามหลักเกณฑ์ที่ Google กำหนด เช่น การลงบทความที่มีเนื้อหาทันสมัย การทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้ดีในระบบมือถือรุ่นใหม่ ๆ ฯลฯ

เพื่อให้ถูกจัดอันดับในการสืบค้นได้ด้านบนของหน้าจอ SERPs หรือ search engine result pages ด้านบน ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจออนไลน์ของคุณอย่างมาก และจะทำให้มียอดขายสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นตามมาเป็นลำดับด้วย

2. การทำโฆษณาผ่าน YouTube

คนรุ่นใหม่จะนิยมชมคลิปที่น่าสนใจใน YouTube มากขึ้น ซึ่งคุณสามารถเลือกจ้างบริษัททำคลิปที่มีคุณภาพ เพื่อการโฆษณาที่สั้นและกระชับ ดึงดูดความสนใจในช่อง YouTube ระหว่างการชมคลิป เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งมักมีเวลาเฉลี่ยความสนใจที่ 10-30 วินาที นับว่าเป็นช่องทางสำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่ทำให้คุณมียอดขายเพิ่มสูงขึ้น และทำให้คนจดจำแบรนด์ของคุณได้ยาวนาน

3. การทำเพจใน Facebook

มีการเก็บสถิติพบว่าคนไทยใช้ Facebook เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก การทำการตลาดทาง Facebook จึงเป็นที่นิยม และหลายธุรกิจก็เลือกเปิดเพจใน Facebook เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายอย่างการเช่าพื้นที่โดเมนในเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนไทยได้มากขึ้น เรียกว่าประหยัดค่าใช้จ่ายต้นทุนทางธุรกิจ และเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างดี

ทั้งนี้ คุณยังสามารถกำหนดให้มีการโฆษณาสินค้าตัวเองในระบบของ Facebook ภายใต้วงเงินที่จำกัดได้ด้วย

4. การทำ Instagram

การสร้างเพจทาง Instagram เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ธุรกิจรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการขายสินค้า DIY การขายคอร์สเรียนด้านภาษา หรือสินค้าแนวแฟชั่น ฯลฯ นิยมหันมาทำการตลาดในช่องทางนี้ ซึ่งคุณสามารถใส่คลิปวีดีโอหรือภาพเคลื่อนไหวในช่วงเวลาสั้น ๆ ใน Instagram ของคุณ เพื่อดึงดูดใจลูกค้าได้ด้วยเช่นกัน

โดยคุณสามารถจ้าง influencer ที่มีคนติดตามจำนวนมากใน Instagram เพื่อการโฆษณาสินค้าของคุณได้อีกด้วย

จะเห็นได้ว่า การตลาดออนไลน์ในปัจจุบันมีอยู่หลายช่องทาง ดังที่เรายกตัวอย่างมา หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้คุณต่อยอดเชิงลึกเพื่อการศึกษาและนำไปปรับใช้ได้ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและเพิ่มยอดขายได้ตามต้องการ

เทคนิคการตลาดออนไลน์ที่ควรใช้ในปี 2020 มีอะไรบ้าง

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ผู้ประกอบการควรรู้ 2019

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ผู้ประกอบการควรรู้ 2019

การตลาดออนไลน์ ในปี 2019 มีอัตราการแข่งขันที่สูง เนื่องจากธุรกิจทั่วโลกอยู่ในภาวะฝืดเคือง อันเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าต้องช่วงชิงจังหวะในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีการจัดโปรโมชั่น การศึกษาสถิติตัวเลขต่าง ๆ เพื่อนำมาสร้างจุดแข็งเหนือคู่แข่งอื่น

เราจึงได้รวบรวมคำแนะนำจากกูรูทางการตลาด ที่ผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์ควรรู้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นในปีนี้

1. การพัฒนาเว็บไซต์ ตามหลัก SEO หรือ Search Engine Optimization อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะทำให้ระบบ Algorithm ของ Google จัดอันดับแสดงผลด้านบนในหน้าต่างการสืบค้น ทั้งนี้ หลังการทำ SEO ต้องมีการเช็คความเปลี่ยนแปลงของอันดับเว็บไซต์ ใน Google Search Console เป็นระยะ เพื่อการปรับเปลี่ยน Keywords แนวทางการเขียนบทความ SEO ฯลฯ ที่ตรงใจลูกค้าเป้าหมายต่อไป

2. ปรับ Keywords จากเดิมที่มักนิยมเป็นคีย์เวิร์ดสั้น ๆ ความหมายรวม ๆ กว้าง ๆ เช่น รองเท้ากีฬา ก็เปลี่ยนมาเป็นคำที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการนำเสนอสื่อคลิปสาธิตหรือบทความที่ดีขึ้น เรียกว่าเป็น Long-Tail Niche Keywords เช่น รองเท้า วิ่ง สตรี Nike และตามด้วยชื่อรุ่น เป็นต้น

3. ควรนำค่า Engagement จากผู้ชมเว็บไซต์ ที่ได้จากการวิเคราะห์หลังบ้าน มาใช้ในการปรับปรุง เช่น สถิติจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละช่วงเวลา จำนวนยอดไลค์ ใน Facebook หรือ Instagram ว่าชื่นชอบคลิปหรือบทความแนวไหน เพื่อ ผลิตผลงานชิ้นต่อไป ในรูปแบบที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

4. กรณีที่มีการจ้างงานยูทูปเบอร์หรือเน็ตไอดอล ควรจะศึกษาว่าช่วงเวลานั้นใครกำลังอินเทรนด์ หรือได้รับกระแสนิยมสูง ซึ่งคนรุ่นใหม่จำนวนมากจะสนใจสื่อที่ผู้นำเสนอเป็น Micro หรือ Nano influencer หากเลือกพรีเซ็นเตอร์ที่เหมาะสม ก็จะมีผลดีอย่างมากต่อการดึงดูดใจผู้ชมคลิป ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว และทำให้เพิ่มยอดขายได้มาก

5. การติดตามเทรนด์คำพูดจากละคร เพื่อนำมาเป็นแนวเขียนบทความ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเขียนบทความที่เกี่ยวข้องกับความงาม ไลฟ์สไตล์ ฯลฯ เข้าถึงกลุ่มคนเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้ดี ทำให้สร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ ซึ่งจะได้รับการบอกต่ออย่างรวดเร็ว

6. การเปิด Account ในหลาย ๆ แพลตฟอร์มเพื่อการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเพจใน Facebook การสร้างทวิตเตอร์ เพื่อแจ้งข่าวสารใหม่ ๆ การทำเพจใน Instagram ที่มีคลิปน่าสนใจ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายติดตามเข้ามาชมรายละเอียดในเว็บไซต์ทางธุรกิจ

หวังว่า เทคนิคการตลาดออนไลน์ 2019 ที่เรานำมาเสนอนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์ทุกท่านในการนำไปพัฒนาให้ประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้นตลอดปี

คำแนะนำจากกูรูทางการตลาด

6 สิ่งห้ามมองข้าม ในการตลาดออนไลน์ ปี 2018

การตลาดออนไลน์ ปี 2018

การตลาดออนไลน์ ปี 2018

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันสูงและมีความผันผวนทั่วโลก การตลาดออนไลน์ ที่ทรงประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นช่องทางหลักของการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ในปัจจุบัน การตลาดออนไลน์ จึงห้ามมองข้าม 6 สิ่งจำเป็นต่อไปนี้

1. การเลือกคีย์เวิร์ด (keywords) ในการทำ SEO ที่มีคุณภาพ ควรเน้นการใช้คีย์ที่ผ่านการวิจัยตลาดมาแล้วว่า เป็นคำที่กลุ่มเป้าหมายนิยมใช้สืบค้นหาร้านค้ามากที่สุด และตรงกับลักษณะสินค้าและบริการของคุณมากที่สุด

2. การใช้คอนเท้นต์ (content) ที่มีคุณภาพในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไป การเลือกผู้เขียนที่สามารถทำเนื้อหาบทความที่ดี ให้สาระประโยชน์ มีความถูกต้อง ควบคู่ภาษาที่น่าอ่าน และสามารถทำ SEO ในบทความได้อย่างกลมกลืน เป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นต่อความรู้สึก “เชิงบวก” จากลูกค้า

ทั้งนี้ พบว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะเลือกใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ที่มีความจริงใจในการให้ข้อมูลมากกว่า สังเกตจากการ subscribe หรือการกลับมาอ่านบทความบ่อย ๆ ร่วมกับการแชร์หรือบอกต่อ

3. การใช้ “บอทตอบคำถาม” เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชั่นใหม่ในการตอบคำถามพื้นฐานง่าย ๆ หรือใช้ร่วมกับพนักงานที่เป็นคน ในการวิเคราะห์ดาต้า สำหรับปัญหาลูกค้าที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะในส่วนบริการหลังการขาย นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่นักธุรกิจออนไลน์ต้องปรับตัวและเรียนรู้มากขึ้น

4. ในปี 2018 การโฆษณาผ่านช่องทางใหม่ ๆ เช่น influencer หรือ ผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์ ได้แก่ ผู้ที่มีภาพลักษณ์ที่ดี หรือมีการติดตามจากกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก เป็นกลุ่มบุคคลที่ช่วย PR สินค้าและบริการของธุรกิจออนไลน์ได้มีประสิทธิผลยิ่งกว่า การใช้ดารา นางแบบมืออาชีพ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มองสไตล์ของบุคคลผู้นำเสนอที่มีความจริงใจ เป็นหลัก เพื่อแสดงถึงความเรียลมากขึ้น

5. การร่วมสนุกด้วยการให้แชร์ หรือติด # บอกต่อ นอกจากการให้กลุ่มผู้บริโภคตอบคำถามหรือแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะมีการรายงานอัพเดตทางหน้าเว็บเพจ และขอบคุณลูกค้าด้วยการให้โปรโมชั่น หรือสินค้าฟรีจำนวนจำกัด ก็ยังเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ work อย่างยิ่ง

6. การทำมีตติ้งเล็ก ๆ กับ แบรนด์แอมบาสเดอร์ (ambassador) หรือกิจกรรม outdoorในกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวคิดร่วมกัน โดยมีธุรกิจของคุณเป็น sponsor และเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น กิจกรรมปลูกป่า กิจรรมสร้างความบันเทิงให้คนด้อยโอกาส เก็บขยะทำดีเพื่อแผ่นดิน การบริจาคสิ่งของในภาวะอุทกภัย การทำหนังสือเสียงหรือทำหนังสือตัวอักษรเบลล์สำหรับคนตาบอด การเป็น guide runner เพื่อช่วยนำทางคนพิการหรือผู้ด้อยโอกาสออกกำลังกาย ฯลฯ

จะเห็นได้ว่า 6 สิ่ง”ห้ามข้าม” ที่กล่าวมา เป็นสิ่งที่ทำให้การตลาดออนไลน์ของคุณ เข้าถึง “ใจ” ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีขึ้น และส่งผลโดยรวมต่อภาพลักษณ์และยอดขายที่จะตามมาอย่างยั่งยืน

6 สิ่งห้ามข้าม ในการตลาดออนไลน์ ปี 2018